“Phuket Model : ต้นแบบพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา สู่คนดีรอบด้าน (เด็กต่งห่อ) ในศตวรรษที่ 21”
จุดเริ่มต้น: ความท้าทายและโอกาสในการศึกษา
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายในการพัฒนาทักษะพื้นฐาน (Foundational Skills) ของเยาวชนและผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21 โดยข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น OECD และ World Bank ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยยังคงมีช่องว่างด้านคุณภาพการศึกษาและทักษะของกำลังแรงงาน เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก สำหรับจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องของประเทศไทย พบว่าการพัฒนาและคุณภาพของการศึกษาในพื้นที่ยังมีความแตกต่างกันระหว่างโรงเรียนในเมืองและชนบท รวมถึงโรงเรียนบนเกาะต่าง ๆ ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น การขาดแคลนครูที่มีคุณภาพ สังคมที่มีความซับซ้อน และการเข้าถึงทรัพยากรการศึกษาที่ไม่เท่าเทียมกัน ข้อมูลจากการทดสอบระดับชาติยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงระบบการเรียนการสอน อีกทั้งบทเรียนในอดีต แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตไม่สามารถพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งเป็นเสาหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดมายาวนานเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตการณ์ เช่น การระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้การท่องเที่ยวทั่วโลกหยุดชะงัก ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ และเพื่อรองรับการเติบโตในยุคสมัยใหม่ ภูเก็ตจึงเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจาก “เมืองท่องเที่ยว” ไปสู่ “เมืองนวัตกรรม” โดยมุ่งเน้นการสร้างเศรษฐกิจฐานราก (ชุมชน) ที่ยั่งยืนและหลากหลายมากขึ้น แทนที่จะพึ่งพาการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

“New Phuket” ที่ปรากฏในภาพ แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยภูเก็ตไม่ได้พึ่งพาแค่ “Tourism” อีกต่อไป แต่ยังมีเสาหลักทางเศรษฐกิจที่เป็นฐานทุนและโอกาส เช่น
- Gastronomy Hub: เมืองแห่งอาหารและวัฒนธรรม
- Education Hub: ศูนย์กลางการศึกษาและนวัตกรรม
- Medical Hub: ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ
- Marina Hub: ศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางน้ำ
- MICE City: เมืองแห่งการจัดประชุมและนิทรรศการ
- Smart City: เมืองอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
- Sport City: เมืองแห่งการกีฬา
- Tuna Hub: ศูนย์กลางการประมงและอุตสาหกรรมอาหารทะเล
- Fusion Farm: เกษตรกรรมผสมผสานเพื่อความยั่งยืน
พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดภูเก็ต จึงเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญในการพัฒนา “New Phuket” โดยมีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนาทักษะของเยาวชนให้สอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจฐานราก
ในอีก 10 ปีข้างหน้า ภูเก็ตมีเป้าหมายที่จะเป็นพื้นที่ที่สามารถปกครองและบริหารจัดการโดยตนเองได้อย่างมีเอกลักษณ์ สามารถเชื่อมโยงกับทุกภาคส่วนของสังคมเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเน้นการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เรียนรู้ที่ส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
การสร้าง “คนดีรอบด้าน” หรือ “เด็กต่งห่อ” เป็นเป้าหมายสำคัญของจังหวัด สามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การตัดสินใจ และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น มีความซื่อสัตย์ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังต้องมีทักษะการสื่อสารรอบด้าน ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาและสร้างนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาในบริบทที่แตกต่าง โดยมีสมรรถนะพื้นฐาน (Literacy) รวมถึง สมรรถนะเชิงพื้นที่ ที่สอดคล้องกับบริบทของจังหวัดภูเก็ต ได้แก่
- สมรรถนะการคิดและการเรียนรู้ที่จะเรียนรู้ (Thinking and Learning to Learn)
- สมรรถนะทางวัฒนธรรม มีปฏิสัมพันธ์และการแสดงตัวตน (Cultural Competence, Interaction, and Expression)
- สมรรถนะการจัดการตนเอง ดูแลตนเองและผู้อื่น (Self-Direction, Taking Care of Oneself and Others)
- ทักษะการสื่อสารรอบด้าน (Multiliteracy)
- สมรรถนะดิจิทัล (Digital Competence)
- สมรรถนะการมีส่วนร่วม การมีบทบาท ผลักดัน และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน (Participation and Involvement and Building the Sustainable Future)
- ทักษะชีวิต การทำงาน และทักษะผู้ประกอบการ (Competence for the World of Work and Entrepreneurship)
การพัฒนาสมรรถนะเหล่านี้จะช่วยสร้างเยาวชนภูเก็ตที่มีคุณภาพ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม มีความพร้อมในการเผชิญกับอนาคต และเป็นพลเมืองที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างผาสุก ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ร่วมกันช่วยเยาวชนที่มีสมรรถนะรอบด้าน เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับท้องถิ่นและระดับสากลอย่างยั่งยืน
ข้อเสนอทางยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา
เพื่อบรรลุเป้าหมาย 10 ปี จังหวัดภูเก็ต ได้เสนอยุทธศาสตร์การศึกษา โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ดังนี้
- การพัฒนาระดับปฐมวัย
จัดระบบสารสนเทศที่ครอบคลุมการจัดการศึกษาปฐมวัยสำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี ให้เข้าถึงการเรียนรู้ทุกประเภท พร้อมส่งเสริมการพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านภาษาและการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อสร้างรากฐานสำคัญสำหรับการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น รวมถึงการพัฒนาครูให้มีความสามารถในการจัดกิจกรรมที่เน้นการสร้างทักษะและกระบวนการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยอย่างยั่งยืน
- การพัฒนาระดับประถมศึกษา
มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ผ่านกระบวนการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ที่เน้นความเข้าใจและการปฏิบัติจริง เพื่อเตรียมพร้อมนักเรียนให้มีทักษะพื้นฐานที่เข้มแข็งสำหรับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้น พร้อมสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เน้นการมีส่วนร่วมและความคิดสร้างสรรค์
- การพัฒนาระดับมัธยมศึกษา (รวมโรงเรียนขยายโอกาส)
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น : เน้นสร้างพื้นฐานความรู้และทักษะวิชาชีพที่จำเป็น พร้อมส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย : สนับสนุนการเรียนรู้ที่เน้นการสร้างทักษะวิชาชีพและการพัฒนาสมรรถนะในระดับสูง พร้อมทั้งพัฒนาทั้ง Hard Skills และ Soft Skills เพื่อให้เยาวชนสามารถปรับตัวและแข่งขัน ในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาระดับอาชีวศึกษา/กศน./อื่น ๆ
ส่งเสริมการสร้างรูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน พร้อมพัฒนาทักษะใหม่ (Up-skill, Re-skill, New-skill) และสร้างนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมทักษะวิชาชีพที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
กระบวนการการผลิตและพัฒนาครู ผู้บริหาร ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดภูเก็ต
การผลิตและพัฒนาครูในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดภูเก็ตควรมุ่งเน้นการสร้าง “ครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง” ที่สามารถเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแนวทางดังนี้
- การสร้างระบบการผลิตครูที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
การผลิตครูในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาควรผลิตที่อยู่บนพื้นฐานของบริบทพื้นที่ เช่น แนวโน้มตลาดแรงงาน, และสมรรถนะครูในท้องถิ่น ซึ่งให้การออกช่วยการแบบหลักสูตรการผลิตครูมีความสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ มีความยืดหยุ่นพร้อมทั้งการพัฒนาครูในระบบ (Up-skill, Re-skill, New-skill) เช่น ทักษะด้าน STEM, การใช้เทคโนโลยี, และการพัฒนาทักษะ Soft Skills เพื่อเตรียมครูให้พร้อมกับการเปลี่ยนแปลง
- การพัฒนาครูเพื่อเสริมสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา
การออกแบบหลักสูตรการพัฒนาครูที่เน้น TPACK, Problem-Based Learning (PBL) และ Project-Based Learning (PBL) จากผลลัพธ์การเรียนรู้ที่เป็นเป้าหมายหลักของพื้นที่ การมีส่วนร่วมของชุมชนยังช่วยให้ครูสามารถสร้างสื่อการสอนและกิจกรรมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของผู้เรียนในพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง เช่น การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการสอน, การวิจัยในชั้นเรียน (Action Research), และการพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
- ระบบและกลไกการดำเนินงานพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา จังหวัดภูเก็ต
โรงเรียนพัฒนาตนเอง: โรงเรียนเป็นหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลง โดยต้องมีการพัฒนาใน 8 มาตรการ ได้แก่ Q-Coach, Q-Goal, Q-Info, Q-PLC, Q-Network, Q-Classroom, Q formative และ Q- Student Care
การมีส่วนร่วมเชิงพื้นที่: การพัฒนาโรงเรียนและนักเรียนในจังหวัดภูเก็ตต้องอาศัยการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนในสังคม ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน, ครู, ชุมชน, ผู้บริหารโรงเรียน, ภาคธุรกิจ และ ภาคีการศึกษา เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ระบบประกันคุณภาพการศึกษา : เพื่อให้การพัฒนานักเรียนบรรลุผลตามเป้าหมาย โดยเน้นการวัดผลที่ครอบคลุมทั้งด้านวิชาการ ทักษะชีวิต และการพัฒนาทางสังคมภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานในระดับจังหวัดโดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้นำหลักในการประสานงาน โดยมี สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เป็นหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่สนับสนุนด้านวิชาการและการบริหารจัดการการศึกษา และภาคีเครือข่ายการศึกษา เช่น สพป. (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา), สพม. (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา), สช. (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน), สกร. (สำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย), อาชีวศึกษา, และ การศึกษาพิเศษ ต่างทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพและมีทักษะรอบด้าน
การติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
- การพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินสมรรถนะนักเรียน
เน้นการสร้างเครื่องมือที่สอดคล้องกับสมรรถนะของนักเรียนในบริบทของจังหวัดภูเก็ต เช่น การประเมินสมรรถนะเด็กตงห่อ ที่ครอบคลุมทักษะภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้สามารถประเมินความก้าวหน้าและผลลัพธ์ของนักเรียนได้อย่างแม่นยำ
- การประเมินการดำเนินงานโดยใช้ DE (Developmental Evaluation)
เน้นการใช้กระบวนการ DE ในการประเมินและติดตามผลการดำเนินงาน เพื่อตรวจสอบความคืบหน้า ระบุปัญหา และปรับปรุงกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของพื้นที่
ที่มา
- สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดภูเก็ต
