สานต่อพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา: บทสรุปจากการรับฟังความคิดเห็นสู่การกำหนดนโยบายอนาคต
ตามที่คณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ในการประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 (ลิงก์นี้) เห็นชอบในหลักการขยายเวลาใช้บังคับพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 ออกไปอีก 7 ปี และจัดทำร่าง พ.ร.ฎ. นำเสนอผ่านคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย และรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม (ลิงก์นี้) ซึ่ง สบน. ได้มีการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม (ลิงก์นี้)
- ปัจจุบัน สบน. ได้สรุปผลการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว มีรายละเอียดดังนี้ อ่านลิงก์ฉบับเต็มคลิก
การรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาขยายเวลาใช้บังคับพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒ (พ.ศ. ….) ฉบับย่อ
๑. ข้อมูลเชิงปริมาณและการดำเนินการ (จำนวนครั้งและจำนวนผู้เข้าร่วม)
สพฐ. ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นรวม ๔ วิธี:
- ผ่านระบบกลางทางกฎหมาย (Law.go.th): ดำเนินการ ๑ ครั้ง ระหว่างวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๑๕ วัน มีบุคคลเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นรวม ๒๓ คน
- ด้วยแบบสอบถามอิเล็กทรอนิกส์: ดำเนินการ ๑ ครั้ง ระหว่างวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ ถึงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๘ รวมระยะเวลา ๑๕ วัน มีบุคคลเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นรวม ๒๘๑ คน
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: มีการส่งแบบสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งโดยตรงและโดยอ้อมรวม ๙๗ หน่วยงาน มีหน่วยงานตอบแบบสอบถามส่งกลับมา ๓ หน่วยงาน และมีสถานศึกษานำร่องที่ได้รับแบบสอบถามจากต้นสังกัดและตอบกลับมายัง สพฐ. รวม ๑๙ แห่ง
- จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง: จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ๑ ครั้ง ระหว่างวันที่ ๒๘ – ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งแบ่งเป็น ๓ กลุ่มกิจกรรม มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจากการประชุมนี้รวม ๖๒ คน
สรุปผลภาพรวมการแสดงความคิดเห็น (จากระบบ Law.go.th และแบบสอบถามอิเล็กทรอนิกส์)
มีบุคคลร่วมให้ความคิดเห็นรวม ๓๐๔ คน โดยมีผลดังนี้:
- เห็นด้วย ที่จะให้มีการขยายเวลาการใช้บังคับพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๒: ๒๕๑ คน (คิดเป็นร้อยละ ๘๒.๕๗)
- เห็นด้วย ที่จะให้มีการขยายเวลาใช้บังคับออกไปอีก เจ็ดปี: ๒๒๙ คน (คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๓๓)
๒. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (ข้อสรุปพอสังเขป)
ความคิดเห็นเชิงคุณภาพแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนหลัก ได้แก่ ความเห็นสนับสนุนการขยายเวลา, ความเห็นคัดค้าน/ข้อจำกัด
ก. ความเห็นสนับสนุนการขยายเวลา
การสนับสนุนการขยายเวลาเกิดจากความต้องการให้เกิดความต่อเนื่อง และการต่อยอดการลงทุนด้านงบประมาณ บุคลากร และพลังขับเคลื่อนที่สะสมในช่วง ๗ ปีแรก เพื่อรักษา “ทุนมนุษย์” (Human Capital) การขยายเวลานี้จำเป็นเพื่อให้พระราชบัญญัติฯ ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการปรับเปลี่ยนระบบราชการการศึกษาที่รวมศูนย์และขาดความยืดหยุ่น และใช้เป็น สนามทดลอง (Educational Sandbox) เพื่อสะสมข้อมูลเชิงประจักษ์ในการประเมินผลและปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในระดับประเทศต่อไป ผู้เห็นด้วยยังมองว่าการขยายเวลาจะช่วยให้โรงเรียนในพื้นที่นวัตกรรมมี อิสระในการปรับหลักสูตรให้เหมาะสมกับท้องถิ่นและศักยภาพเฉพาะของผู้เรียน ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และเป็นระยะเวลาที่พอเพียงสำหรับการพัฒนาหลักสูตรจนเห็นผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน
ข. ความเห็นคัดค้าน/ข้อจำกัด
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยสะท้อนว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาไม่ได้ปลดล็อกจริง ทำให้โรงเรียนยังคงติดอยู่กับกรอบที่หน่วยงานต้นสังกัดกำหนด และเกิด ภาระงาน ที่ซ้ำซ้อนและซับซ้อนอย่างมากแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะงานเอกสาร ซึ่งทำให้ครูไม่มีเวลาสอน มีความกังวลว่าผลการดำเนินงานโดยรวมยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด และถูกตั้งคำถามว่า ไม่คุ้มค่ากับงบประมาณ ที่จัดสรร นอกจากนี้ ปัญหาเชิงระบบ เช่น ระบบการประเมินคุณภาพยังไม่สอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ ทำให้ครูต้องทำงานสองชุด การขยายเวลาออกไป ๗ ปีถูกมองว่านานเกินไป หากยังไม่ปรับแก้กลไกสำคัญ และเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายเดิมที่ตั้งไว้เพื่อทดลองใช้
- Graphic by Google AI Studio and Edit in Canva
- Prompt by Aitsara Sotthisong
